เมื่ออายุ  14 ปี เจ้าตัวก็ได้มาชกในกรุงเทพฯ อยู่ในสังกัด บู๊ เมืองเพชร โปรโมเตอร์สุภาพรรณ ของเวทีมวยลุมพินี ซึ่งตอนนั้นเสี่ยบู๊จัดทั้งเวทีอ้อมน้อยและลุมพินี  ซึ่งตอนนั้นน้ำหนักประมาณเกินร้อยปอนด์นิดๆ ซึ่งตอนนั้นก็ได้ชกออกทีวีในศึกจ้าวมวยไทย ได้เก็บกระดูกฝีมือมวยมามากมายในช่วงปี 2555 ถึง 2556  ตอนนั้นฟอร์มดีเป็นอย่างมาก ชกแทบจะไม่แพ้เลยก็ว่าได้ สมาคมกีฬามวยแห่งประเทศไทย จึงได้คัดเลือกเป็นนักมวยยอดเยี่ยมด้วยพระราชทาน ซึ่งได้รับตำแหน่ง 2 คนมี ยอดวิชา ภ.บุญสิทธ์ และ แสงมณี ส.เทียนโพธิ์ หลังจากได้รางวัลนักมวยถ้วยพระราชทานแล้ว ผมยังได้เป็นมวยเงินแสนในอายุเพียง 16 ปี ช่วงนั้นจึงทำให้เป็นมวยดังเนื้อหอมแล้วก็ว่าได้ ไม่ได้ชกแค่เวทีลุมพินีอย่างเดียว ชกเก่งจนโปรโมเตอร์ฝั่งราชดำเนินอยากได้ตัวไปชกข้ามศึกเลย หลังจากได้รางวัลยอดมวย เจ้าตัวก็ได้ครองแชมป์อีก 3 เส้นคือ แชมป์ประเทศไทย 2 รุ่น รุ่น ไลท์เวต และซูเปอร์เวต และ ซูเปอร์เฟเธอร์เวต ลุมพินี ซึ่งเจ้าตัวได้ที่สุดแล้วว่าอายุไม่เกี่ยวกับกระดูกมวย ซึ่งเจ้าตัวก็ชกกับรุ่นพี่  ทุกๆเวทีมวยก็เดินเสียบเข้าออกอาวุธ จนทำให้เจ้าตัวได้มีโอกาสชิงแชมป์รุ่นซูเปอร์ไลท์เวต เวทีราชดำเนิน ศึกเพชรวิเศษ ด้วยเจอกับรุ่นพี่จอมเก๋า แชมป์มวย 14 เส้นอย่าง เพชรบุญชู เอฟ.เอ.กรุ๊ป ที่มีความร้อนแรงและดุเดือดชกมวยเชิงเดียวกันเป็นมวยเข่าแข็งแรง ซึ่งวันนั้นเจ้าตัวเป็นแพ้คะแนนให้กับเพชรบุญชูธาตุเข็มขัดเส้นแรกของเวทีราชดำเนินไปอย่างน่าเสียดาย แต่หลังจากนั้นเจ้าตัวก็กลับมาแก้มือกับเพชรบุญชู ชนะไปถึง 2 ไฟติดในเวทีราชดำเนิน ซึ่งช่วงนั้นผ่านมวยเก่งของยุคมาอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็น แสนสะท้าน พี.เค.มวยไทยยิม และ สิงห์ดำ เกียรติหมู่ 9 หลังจากนั้น เจ้าตัวก็มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากและความสำเร็จอีกมากมาย จึงได้ออกไปชกมวยในต่างประเทศ ซึ่งจะความเก่งของเจ้าตัวก็กวาดแชมป์มาอีกหลายเส้น และกลายเป็นนักมวยไทยค่าตัวหลักล้านของประเทศไทย พร้อมกับสติสุดโหดชนะ 29 ไฟต์ในช่วงเวลา 4 ปี