ประวัติ บัวขาว บัญชาเมฆ

ประวัติ บัวขาว บัญชาเมฆ

ประวัติ บัวขาว บัญชาเมฆ ชื่อจริงชื่อ นายสมบัติ บัญชาเมฆ เป็นบุตรของนายเล็ง กับ นางปาน บัญชาเมฆ พ่อของบัวขาวเป็นชาวจังหวัดศรีสะเกษ ส่วนแม่ของเขานั้นพื้นเพเป็นคนจังหวัดสุรินทร์ โดยครอบครัวนี้มีบุตรทั้งหมด 5 คน ชาย 2 หญิง 3  โดยเจ้าตัวของบัวขาว เป็นบุตรคนที่ 4  ครอบครัวของเขายากจน บัวขาวจึงต้องเริ่มชกมวยตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัว เริ่มชกอยู่แถวบ้านอำเภอสำโรงทาน จังหวัดสุรินทร์ เดินสายไปทั่วภาคอีสาน หลังจากนั้นเจ้าตัวได้เข้ามาชกมวยที่กรุงเทพฯ ได้เข้ามาอยู่ในสังกัดค่ายมวย ป.ประมุุข เมื่ออายุ 15 ปี ด้วยความเก่งกาจของเจ้าตัวบัวขาวได้เข็มขัดแชมป์เปี้ยนหลากหลายเส้นหลังจากที่เริ่มอาชีพมวยไทยในกรุงเทพฯ ได้แชมป์สยามอ้อมน้อยรุ่นไลท์เวตและ แชมป์ประเทศไทยรุ่นเฟเธอร์เวต

 แค่นั้นยังไม่พอยังมีแชมป์อีกมากมายแม้ว่าจะเป็น ชนะมวยรอบมาราธอน  Toyota รุ่น 140 ปอนด์ หรือแชมป์สยามอ้อมน้อย รุ่นเฟเธอร์เวต 

ข้อมูลส่วนตัว บัวขาว บัญชาเมฆ

ประวัติ บัวขาว บัญชาเมฆ

ชื่อจริง :: สมบัติ บัญชาเมฆ 

วันเกิด :: 8 พฤษภาคม พ.ศ.2525

ถิ่นเกิด :: จังหวัดสุรินทร์

สังกัดค่ายมวย :: บัญชาเมฆ

บัวขาว บัญชาเมฆ เป็นนักมวยไทย เชื้อสายกูย และมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในประเทศไทยรวมไปถึงทวีปเอเชียและยุโรป ซึ่งเจ้าตัวได้ต่อสู้ระดับสากลมามากมาย ก่อนจะมาสร้างค่ายมวยเป็นของตัวเอง เจ้าตัวอยู่ที่สังกัด ป.ประมุข และบัวขาวยังได้จัดเป็นนักกีฬาที่มีรายได้สูง ที่มีรายได้มาจากต่างประเทศมากมาย และยังมีผลงานในการแสดงหนังไทยอีกหลายเรื่อง และและเขาได้ชกในรายการ Thai Fight  ในรุ่น 70 กิโลกรัม และยังเป็นแชมป์อีกด้วย ซึ่งไม่ต้องพูดถึงดีของนักมวยคนนี้ซึ่งเราเป็นที่รู้จักกันในทุกวัยอยู่แล้ว เพราะเขามีชื่อเสียงที่โด่งดังและเป็นที่รักของคนไทยเป็นอย่างมาก 

เส้นทางบนเวทีสากลต่างประเทศของ บัวขาว บัญชาเมฆ

บัวขาว เริ่มออกชกที่ต่างประเทศ ปี พ.ศ.2547 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เจ้าตัวได้ชนะรายการ K1 World Max2004  ด้วยการเอาชนะ นักมวยชาวออสเตรเลีย จอห์น เวย์น พาร์ และโคะฮิรุมาคิ ทากะยูกิ และแชมป์เก่าชาวญี่ปุ่นอย่างมาซาโตะ แล้วผ่านมาอีกปีต่อมาบัวขาวได้ขึ้นป้องกันแชมป์ ซึ่งเจ้าตัวเกือบจะรักษาแชมป์ไว้ได้ในรายการ K1  ครั้งนี้เขาได้แพ้คะแนนอย่างหน้ากังขาให้กับ แอนดี้ ซาวเวอร์ ซึ่งเป็นไฟที่ค้านสายตาแฟนมวยเป็นอย่างมาก

เวลาผ่านไป 2 ปี โดยเจ้าตัวลงแข่งขันอีกครั้ง ในรายการ K1 World Max  ซึ่งครั้งนี้เขาคว้าแชมป์มาครองเป็นครั้งที่ 3  และเป็นนักมวยคนแรกที่ชนะติดต่อและเป็นแชมป์ 2 สมัย

ในปี พ.ศ. 2551  บัวขาว แพ้น็อคให้กับ โยชิฮิโร ซาโตะ  ไปแบบข้างสายตาแฟนมวยทั่วโลกหรือบางคนก็ว่าบัวขาวล้มมวยหรือไม่ ในรายการ K1 World Max  แต่หลังจากนั้นได้มีการตรวจสอบและพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วซึ่งบัวขาวไม่ได้ล้มมวย แต่ครั้งนั้นพลาดท่าเป็นฝ่ายแพ้น็อคจริงๆ ซึ่งวันนั้นเขาของซาโตะทำให้เจ้าตัวจุกและเสริมด้วยหมัดฮุกเข้ากกหูเต็มๆ นอนลงไปนอนคาที่ ด้านชกครั้งนั้นทำให้ผู้ชมชาวไทยแทบช็อค

ในปี พ.ศ. 2552  รายการ K1  จึงจะเอาตัวได้เข้าร่วมอีกครั้ง ชั่วคราวนี้เจ้าตัวเข้ามาถึงได้เพียงแค่รอบ 4 คนสุดท้าย จะต้องมาแพ้กับคู่ปรับเก่าอย่าง แอนดี้ ซาวเวอร์ เป็นครั้งที่ 2 แบบคานสายตาแฟนมวยอีกรอบ ภายหลังบัวขาวได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับการให้คะแนนของกรรมการชี้แจงการตัดสิน ซึ่งครั้งนี้แฟนมวยทั่วโลกต่างๆเห็นใจบัวขาวเป็นอย่างมาก ซึ่งผลโหวตในครั้งนี้บัวขาวได้คะแนนอันดับที่ 2  คะแนนแพ้เพียงแค่ จอร์จิโอ เปโตรเซียน ที่ได้แชมป์รายการ K1 ในปีนั้นไป

หลังจากนั้นบัวขาวก็ได้เลิกชกในรายการ K1  และ เมื่อปีพ.ศ.2555 ตกเป็นข่าวฮือฮา มีการหายตัวไปของซุปเปอร์สตาร์ดังอย่างบัวขาวออกจากค่ายอย่างปริศนา ซึ่งเวลาผ่านไปไม่นานบัวขาวก็ได้ปรากฏตัวและเผยว่า เจ้าตัวหนีออกจากค่ายและไม่พอใจในอะไรหลายๆอย่างของทางค่าย และอยากมีความเป็นส่วนตัวและอิสระ หลังจากนั้นค่ายมวย ป.ประมุข ออกมาให้ข่าวกับสื่อว่า หากพวกเขาขึ้นชกโดยไม่คุยกับทางค่ายหรือชกตามใจตัวเองโดยอยู่ทางค่ายไม่รับรู้ จะถือว่าเป็นการผิดกฎหมายตามสัญญา แล้วจะถูกฟ้องร้องดำเนินคดีในที่สุด ในวันที่ 17 เมษายน 2555 เจ้าตัวได้ขึ้นชกในรายการไทยไฟต์ นัดเปิดรายการที่ แหลมบาลีฮาย พัทยา ในรุ่น 70 กิโลกรัม ในฐานะแชมป์เก่าเขาก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ไปได้ ในยุคที่ 2  และครั้งนี้เจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ว่าไม่กลัวผิดกฎหมาย แม้ต้องติดคุกก็ตาม ปัจจุบันเขาได้สร้างค่ายมวยที่บ้านเกิด ที่บ้านสองหนอง อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์  แล้วได้ตั้งชื่อค่ายมวยว่า ค่ายมวยบัญชาเมฆ เพื่อให้คนรุ่นหลังและเยาวชนที่ยากจนได้มีโอกาสศึกษาศิลปะแม่ไม้มวยไทยเพื่อหาเลี้ยงอาชีพอีกด้วย 

แชมป์ทั้งหมดของเจ้าตัวในเส้นทางมวย

-แชมป์ประเทศไทย รุ่นเฟเธอร์เวท สนามมวยลุมพินี ปี 2544 

-แชมป์ K-1 World MAX champion ปี 2547 (2004) และ 2549 (2006) เข้าชิงรอบสุดท้ายถึง 5 ครั้ง ได้แชมป์ 2 สมัย 

-แชมป์ 2010 Shoot Boxing S-Cup World champion ปี 2553 

-คนไทยคนแรก และคนเดียวในประเทศไทย แชมป์ สภามวยไทยโลก ในพระบรมราชูปถัมภ์ WMC World champion ปี 2549, 2552, 2554, 2557 

-แชมป์ สภามวยโลก WBC Muaythai Diamond World Championship ปี 2557 แชมป์ ไหว้ครูมวยไทยสวยงาม สนามมวยลุมพินี ปี 2545

-ถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ แชมป์มวยไทยไฟท์ ปี 2554, 2555

-ถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ รางวัลนักกีฬาอาชีพดีเด่น ปี 2555 

-ถ้วยพระราชทาน กษัตริย์อัลแบร์ตที่ 2 แห่งโมนาโค แชมป์ “มอนติคาโล ไฟต์ติง มาสเตอร์” ปี 2557

-กรรมการบริหารสมาคมกีฬาคิกบ็อกซิงแห่งประเทศไทย และผู้จัดการทีมนักกีฬาคิกบ็อกซิงทีมชาติไทย ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2021 ที่ประเทศเวียดนาม 

-ได้รับโล่ห์ ลักษณะผู้นำดีเด่น โรงเรียนสงครามพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ